รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี วงษ์มณฑา หรือที่นิยมเรียกกันว่า ดร.เสรี เป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการที่ต่อต้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์
รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี วงษ์มณฑา (เกิด: 14 มีนาคม พ.ศ. 2492 ที่: อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก; (ชื่อเล่น: อี๊ด)) หรือที่นิยมเรียกกันว่าดร.เสรี เป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการที่ต่อต้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และเข้าร่วมขับไล่ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์รายการ เกาที่คัน ร่วมกับ รณชาติ บุตรแสนคม ทุกวันศุกร์ 21:00–22:00 น. และ รายการคลายปม ร่วมกับ รศ. ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองทุกวันอาทิตย์ 21:00–22:00 น. ทางสทท.
นอกจากแวดวงวิชาการและการศึกษาแล้ว ยังมีชื่อเสียงในฐานะนักพูด นักบรรยาย และพิธีกร รวมถึงเป็นนักแสดงในภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์หรือละครเวที ด้วยในบางโอกาส อีกทั้งยังเป็นบุคคลสาธารณะในสังคมไทยคนแรก ๆ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นกะเทย โดยมีผลงานเด่นเป็นที่รู้จักกันดีคือละครเวทีเรื่อง "ฉันผู้ชายนะยะ" ใน พ.ศ. 2530 และนำกลับมาแสดงใหม่อีกครั้งในต้น พ.ศ. 2553 เป็นประธานบริหารการประกวดสาวประเภทสอง Miss International Queen
ประวัติการศึกษา
เริ่มศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนสรรพวิทยาคม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แล้วย้ายมาศึกษาต่อ ณ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และสามารถสอบเข้าคณะศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวรรณคดีอังกฤษและภาษาต่างประเทศ ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของผู้เข้าสอบทั้งประเทศ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จนได้รับทุนไปศึกษาต่อปริญญาโทคณะ Master of Arts for Teachers (English) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองซีแอทเทิล สหรัฐอเมริกา ปริญญาโท Journalism Advertising มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เมืองเอแวนสตัน ปริญญาเอกวารสารศาสตร์ด้านสื่อสารการเมืองจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นอิลลินอยส์ เมืองคาร์บอนเดล
ประวัติการทำงาน
ทางวิชาการ เคยเป็นคณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารการตลาดในมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง
ทางธุรกิจ เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทเท็ด เบทส์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทฟาร์อีสแอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายตลาดบริษัทสยามทีวีแอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ประธานกรรมการเบ็ตเตอร์ อิมแพค คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (BIC) และประธานกรรมการบริษัทกูด คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และ เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร
ในทางการเมือง เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ใน พ.ศ. 2549 รวมทั้งเคยเป็นผู้สมัครในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูแลด้านการศึกษา (โดยมี ประวิทย์ รุจิรวงศ์สมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) ในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2533 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ด้วย แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง และยังเป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และรณรงค์หาเสียงให้แก่พรรคชาติไทยด้วย
ได้รับรางวัลกิตติคุณสังข์เงิน บุคคลดีเด่นด้านวิชาการของสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
การงาน
- วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ผู้เชี่ยวชาญประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร ศูนย์วิทยบริการกรุงเทพมหานคร (ปัจจุบัน)
- คณบดีคณะวารศาสตร์ศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
- ผู้อำนวยการโครงการนิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
- พิธีกรรายการเมืองไทยใสสะอาด (ไอทีวี)
- พิธีกรรายการยายเม้าวอนสอนหญิง (ช่อง 3)
- พิธีกรรายการเกาที่คัน (ช่อง 11)
- พิธีกรร่วมรายการคลายปม (ช่อง 11)
- พิธีกรรายการข่าวแสนกล (บลูสกายแชนแนล)
- 14 พฤษภาคม 2557 จากวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย ดร.เสรี วงษ์มณฑา เป็นผู้ต้องหาหมายเลขที่ 26
“ดร.เสรี” ชำแหละระบอบทักษิณ สร้างความแตกแยกให้สังคม!
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. ดร.เสรี วงศ์มณฑา กล่าวบนเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 2 ว่า ขอร้องให้ประชาชนอย่าเพิ่งเบื่อการเมืองจนไม่มาร่วมชุมนุมกันต่อ เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังรอให้ประชาชนเบื่อการเมืองจะได้หยุดมาชุมนุม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้ประเทศเสียหายมากไปกว่านี้ สำหรับตนเองจะยืนหยัดในการชุมนุมไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าทางแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งประชาชนจะตั้งคำถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ยังไม่เคยได้ยินคำตอบเลย ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดตามข้อกล่าวหาของแกนนำพันธมิตรฯ จึงไม่กล้าจะออกมาตอบคำถามทั้งหมด
ดร.เสรี กล่าวต่อว่า หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา นอกจากพรรคไทยรักไทยจะได้คะแนนน้อยลงแล้ว ยังมีปรากฏการณ์ no vote สูง ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งนอกจากไม่เอาทักษิณแล้วยังไม่ต้องการะบอบทักษิณอีกด้วย
โดย ดร.เสรี ได้ชำแหละระบอบทักษิณเอาไว้หลายประการ โดยประการแรก เป็นระบอบ “ข้าคิดคนเดียว” หมายถึงบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายนั้นไม่ต้องเปลืองสมองในการคิด เพียงทำตามทุกอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พอ จึงทำให้บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายสมองฝ่อไปหมดแล้ว
ประการที่ 2 “มีวาระซ่อนเร้น” ทั้งนี้เพราะนโยบายทุกเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำนั้นดูเหมือนมีประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ แต่ถ้าเจาะเข้าไปในทุกโครงการจะพบ “วาระซ่อนเร้น” เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น
ประการที่ 3 พ.ต.ท.ทักษิณทำงานสไตล์ “สบายใจไร้การตรวจสอบ” ทั้งนี้เพราะ พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดเกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ แม้รัฐธรรมนูญจะแต่งตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อให้ตรวจสอบรัฐบาล แต่ทุกวันนี้องค์กรอิสระหลายแห่งก็ยังทำงานรับใช้รัฐบาล นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังนำพรรคพวกของตัวเองรวมถึงผู้บริหารของชินคอร์ปเข้าไปเป็นกรรมการการบินไทย
ประการที่ 4 เป็นระบอบ CEO คือ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถสั่งการได้ทุกเรื่อง ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ จนกลายเป็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรถูกไปหมด
ประการที่ 5 “เอาพวกพ้อง” หมายถึงถ้าใครยอมเป็นพวกด้วยก็จะได้ดี แต่ถ้าใครไม่สนองตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องถูกไล่ออกไป ดังจะเห็นได้จากการโยกย้ายคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ ออกไปจากตำแหน่งและโยกย้ายญาติและพวกพ้องเข้ามาดูแลผลประโยชน์ให้
ประการที่ 6 ระบอบทักษิณสร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง โดย ดร.เสรี ได้ขอร้องให้ประชาชนอย่าทะเลาะกันแม้ว่าจะมองเรื่องการเมืองกันคนละมุมก็ตาม
ประการที่ 7 ระบอบทักษิณสร้างนิสัย “เชลียร์” ดังจะเห็นได้จากในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลางานไปนั้น บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายก็ไม่ทำงาน ไม่ยอมแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่พอ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาทำงานวันแรก บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายรีบกลับมาทำงานทันทีเช่นกัน
สำหรับเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่นั้น ดร.เสรี ให้ความเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่สนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำมาตลอด 5 ปีที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลนั้นประจักษ์ชัดว่ากระทำการสอดคล้องกับปฏิญญาทั้ง 5 ข้อจริงๆ โดย ดร.เสรี ได้ยกตัวอย่าง ในเรื่องการใช้ประชานิยมยึดรากหญ้า แล้วแปรรูปเพื่อครอบครองเศรษฐกิจ เป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่ทำงานโดยไม่มีใครขัดขวาง ซื้อข้าราชการจากรับใช้ชาติมาเป็นรับใช้ชินคอร์ป
“ผมไม่ได้รังเกียจ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะกลับมาเป็นนายกฯ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องตอบคำถามทั้งหมดก่อน เพื่อล้างตัวเองให้สะอาดก่อนที่จะกลับมาบริหารบ้านเมือง” ดร.เสรี กล่าวทิ้งท้าย
ดร.เสรี กล่าวต่อว่า หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา นอกจากพรรคไทยรักไทยจะได้คะแนนน้อยลงแล้ว ยังมีปรากฏการณ์ no vote สูง ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งนอกจากไม่เอาทักษิณแล้วยังไม่ต้องการะบอบทักษิณอีกด้วย
โดย ดร.เสรี ได้ชำแหละระบอบทักษิณเอาไว้หลายประการ โดยประการแรก เป็นระบอบ “ข้าคิดคนเดียว” หมายถึงบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายนั้นไม่ต้องเปลืองสมองในการคิด เพียงทำตามทุกอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พอ จึงทำให้บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายสมองฝ่อไปหมดแล้ว
ประการที่ 2 “มีวาระซ่อนเร้น” ทั้งนี้เพราะนโยบายทุกเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำนั้นดูเหมือนมีประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ แต่ถ้าเจาะเข้าไปในทุกโครงการจะพบ “วาระซ่อนเร้น” เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น
ประการที่ 3 พ.ต.ท.ทักษิณทำงานสไตล์ “สบายใจไร้การตรวจสอบ” ทั้งนี้เพราะ พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดเกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ แม้รัฐธรรมนูญจะแต่งตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อให้ตรวจสอบรัฐบาล แต่ทุกวันนี้องค์กรอิสระหลายแห่งก็ยังทำงานรับใช้รัฐบาล นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังนำพรรคพวกของตัวเองรวมถึงผู้บริหารของชินคอร์ปเข้าไปเป็นกรรมการการบินไทย
ประการที่ 4 เป็นระบอบ CEO คือ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถสั่งการได้ทุกเรื่อง ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ จนกลายเป็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรถูกไปหมด
ประการที่ 5 “เอาพวกพ้อง” หมายถึงถ้าใครยอมเป็นพวกด้วยก็จะได้ดี แต่ถ้าใครไม่สนองตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องถูกไล่ออกไป ดังจะเห็นได้จากการโยกย้ายคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ ออกไปจากตำแหน่งและโยกย้ายญาติและพวกพ้องเข้ามาดูแลผลประโยชน์ให้
ประการที่ 6 ระบอบทักษิณสร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง โดย ดร.เสรี ได้ขอร้องให้ประชาชนอย่าทะเลาะกันแม้ว่าจะมองเรื่องการเมืองกันคนละมุมก็ตาม
ประการที่ 7 ระบอบทักษิณสร้างนิสัย “เชลียร์” ดังจะเห็นได้จากในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลางานไปนั้น บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายก็ไม่ทำงาน ไม่ยอมแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่พอ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาทำงานวันแรก บรรดารัฐมนตรีทั้งหลายรีบกลับมาทำงานทันทีเช่นกัน
สำหรับเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่นั้น ดร.เสรี ให้ความเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่สนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำมาตลอด 5 ปีที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลนั้นประจักษ์ชัดว่ากระทำการสอดคล้องกับปฏิญญาทั้ง 5 ข้อจริงๆ โดย ดร.เสรี ได้ยกตัวอย่าง ในเรื่องการใช้ประชานิยมยึดรากหญ้า แล้วแปรรูปเพื่อครอบครองเศรษฐกิจ เป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่ทำงานโดยไม่มีใครขัดขวาง ซื้อข้าราชการจากรับใช้ชาติมาเป็นรับใช้ชินคอร์ป
“ผมไม่ได้รังเกียจ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะกลับมาเป็นนายกฯ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องตอบคำถามทั้งหมดก่อน เพื่อล้างตัวเองให้สะอาดก่อนที่จะกลับมาบริหารบ้านเมือง” ดร.เสรี กล่าวทิ้งท้าย
Cr: http://www.manager.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น