30 กรกฎาคม 2557
หายนะจำนำข้าว5แสนล. ต้องมีคนรับผิดชอบชดใช้ทางแพ่ง
สังคากำลังเฝ้าจับตาว่าคดีมหกรรมโคตรโกงมูลค่ามหาศาลมากที่สุดในประวัติสาสตร์ชาติไทยที่สร้างความเสียหายล่มจมให้ประเทศเป็นมูลค่าถึงกว่า 5 แสนล้านบาทจะหาคนรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งให้แผ่นดิน นอกเหนือจากโทษทางอาญาได้หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบส่อเจตนารู้เห็นกับขบวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและเตรียมสำนวนการตรวจสอบเสนอต่ออัยการสูงสุดตามกรอบเวลาของกฏหมายภายในวันที่ 30 ก.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ นายตระกูล วินิจฉัยภาค อัยการสูงสุด แสดงท่าทีว่า สำนักงานอัยการสูงสุดจะ จะพิจารณาคดีนี้ให้เสร็จตามกรอบเวลาที่กกฏหมายกำหนดได้อย่างแน่นอน โดยหาก ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาถึงก็จะต้องมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 30 วันหลังได้รับสำนวนการตรวจสอบซึ่งคงไม่เกินวันที่ 30 ส.ค.นี้
คำถามอันเป็นความคลางแคลงของสังคมต่ออัยการสูงสุดก็คือ จะรับสำนวนการตรวจสอบเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือจะยกคำร้อง
ในกรณีหากอัยการสูงสุดรับสำนวนของป.ป.ช.เพื่อดำเนินการฟ้องร้องยังมีคำถามอีกว่าจะยื่นฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายของแผ่นดินกว่า 5 แสนล้านบาทจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นอกเหนือจากการฟ้องโทษทางอาญา
การที่สังคมเคลือบแคลงในจุดยืนบทบาทของอัยการสูงสุดเพราะพฤติการณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุดตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาถูกมองว่ากลายเป็นหน่วยงานทาสรับใช้ตระกูลชินและระบอบทักษิณอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นต้องจับตาบทบาทอัยการสูงสุดคนปัจจุบันที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มาหมาดๆว่าจะทำตัวเป็นทนายของแผ่นดินซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างซื้อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมาหรือไม่
นายวิชา มหาคุณ หนึ่งในกรรมการป.ป.ช. ในฐานะ ประธานสอบคดีมหากรรมโคตรโกงโครงการรับจำนำข้าว ให้ความเห็นด้วยความเชื่อมั่นว่าจากพยานหลักฐานทั้งหมดมัดแน่นสามารถเอาผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อย่างแน่นอน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งในฐานะผู้นำรัฐบาลและประธานคณะกรรมการนโยบายข้างแห่งชาติไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย
น.ส.ยิ่งลักษณ์แม้จะไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหาพัวพันขบวนการโคตรโกงจำนำข้าวโดยตรง แต่ก็ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบส่อเจตนารู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดมหกรรมโคตรโกงทั้งๆที่ต้องยับยั้ง ที่สำคัญตลอด 3 ปีที่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ ผู้บริหารสมาคมผู้ค้าข้าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง องค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กร หรือแม้กระทั่ง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองเคยเตือนและเรียกร้องให้ทบทวนโครงการรับจำนำข้าวเพราะเปิดช่องให้มีการทุจริตมโหฬารและจะทำลายระบบวงข้าวตลอดจนการคลังของประเทศจนพินาศย่อยยับ โดย ดร.วีรพงษ์ ถึงกับเตือนว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะพังเพราะโครงการรับจำนำข้าว
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเมินเฉยซ้ำทุ่มเงินแผ่นดินมหาศาลเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวทั้งๆที่สร้างความล่มจมฉิบหายให้กับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และท่ามกลางการทุจริตอย่างมโหฬารรวมทั้งมีชาวนาต้องฆ่าตัวตายไปถึง 18 รายจากปัญหาโครงการรับจำนำข้าว
ในคดีมหกรรมโคตรโกงจำนำข้าวที่มีการทุจริตและสร้างความเสียหายแก่ประเทศมูลค่ามหาศาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ป.ป.ช.ยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีอาญาและฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายของแผ่นดินอย่างถึงที่สุด โดยสภาทนายความแห่งประเทศไทยอาสาร่วมมือกับป.ป.ช.เพื่อฟ้องร้อง ยิ่งลักษณ์ และพวกในทางแพ่ง
โครงการรับจำนำข้าวนั้นถูกออกแบบมาเพื่อโกงชาติปล้นแผ่นดินโดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนพิรุธให้เห็นชัดเจน เพราะการรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาดถึงเกือบเท่าตัวผิดหลักการรับจำนำอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเมื่อรับซื้อในราคที่สูงเกินจริงมากชาวนาย่อมไม่มาไถ่ถอนข้าวคืน กลายเป็นรัฐต้องแบกรับภาระซื้อขาดข้าวทุกเมล็ดจนขาดทุนมหาศาล ซ้ำข้าวล้นประเทศเกือบ 20 ล้านตันเพราะขายไม่ได้เนื่องจากราคาสูงกว่าตลาดทำให้ข้าวรอเสื่อมสภาพยิ่งทำให้รัฐขาดทุนเพิ่มอีกเป็นมูลค่ามหาศาล
บนความหายนะของชาติบ้านเมืองแต่กลับเป็นช่องทางให้มีการทุจริตโกงบ้านกินเมืองกันอย่างมโหฬารเป็นมูลค่านับแสนล้านบาทที่สร้างความร่ำรวยให้กับคนบางกลุ่มโดยเฉพาะมีส่วนโยงใยกับตระกูลชินที่ร่ำรวยมหาศาลบนความฉิบหายของประเทศ
ดังนั้นคดีมหากรรมโคตรโกงเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ต้องเอาตัวการใหญ่มาลงโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่งให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยเฉพาะความเสียหายของแผ่นดินกว่า 5 แสนล้านบาทต้องมีคนรับผิดชอบชดใช้ไม่ปล่อยให้เป็นอภิสิทธิ์ชนที่รวยแล้วลอยนวลเหมือนที่ผ่านๆมาอย่างเด็ดขาด
Cr: http:/www.naewna.com
6 กรกฎาคม 2557
ส่อทุจริต! ตรวจโกดังนครสวรรค์พบข้าวท่อนยัดไส้เต็มโกดัง
นครสวรรค์ - ตรวจโกดังเก็บข้าวจังหวัดนครสวรรค์ยังไม่ถึงครึ่งของจำนวนที่ตรวจ ล่าสุด พบพิรุธส่อทุจริตแล้ว 2 โกดัง รื้อกระสอบข้าวหอมมะลิ พบซุกข้าวปลายไว้ด้านล่าง อีกโกดังเจอข้าวเน่าจนยุ่ยกลายเป็นแป้ง กระสอบเปื่อยจนข้าวไหลมากองอยู่กับพื้นเป็นจำนวนมาก และข้าวที่มีอยู่ในโกดังไม่ตรงกับบัญชีรายงานข่าวจากจังหวัดนครสวรรค์ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหาร มทบ.31 ค่ายจิรประวัติ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าวที่ หจก.วุฒิชัย ทรานสปอร์ต ตั้งอยู่เลขที่ 30 ม.8 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งโกดังดังกล่าวมีข้าวในสต๊อกทั้งสิ้นกว่า 175,000 กระสอบ โดยเมื่อคณะทำงานได้ตรวจแถวข้างบริเวณรอบๆ ด้านนอกโดยวิธีการฉ่ำข้าวออกมาตรวจก็พบว่า เป็นข้าวหอมมะลิตรงตามบัญชีแต่เมื่อทำการรื้อกระสอบด้านบนออก 2 แถว แล้วนำข้าวออกมาตรวจกลับพบว่ากลายเป็นข้าวท่อน หรือข้าวปลายทั้งหมด และยังพบข้าวที่ไม่ตรงตามบัญชีที่ระบุไว้เกือบทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งอายัดข้าวทั้ง 175,000 กระสอบไว้ โดยทหารทำการใส่กุญแจล็อกโกดังดังกล่าวไว้เพื่อรอการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้เข้าตรวจสอบโกดังข้าวโรงสี ยางตาล หลังที่ 4 เลขที่ 57/1 ม.7 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ เมื่อเปิดโกดังพบว่า เป็นโกดังเก็บข้าวหอมปทุม ที่รับจำนำไว้ตั้งแต่ปี 51 จำนวน 911 กระสอบ พบข้าวที่อยู่ในสภาพที่เน่าจนยุ่ยกลายเป็นแป้งไปหมด กระสอบเปื่อยจนข้าวไหลมากองอยู่กับพื้นเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งอายัดไว้ตรวจสอบอีกเช่นกัน
โดยคณะผู้ทำงานทำการเก็บตัวอย่างข้าวทั้งหมดส่งเข้ายังส่วนกลาง (กทม.) เพื่อตรวจสอบคุณภาพของข้าวว่าตรงตามบัญชีหรือไม่ หากพบการทุจริตเกิดขึ้นจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (6 ก.ค.) ทหาร ยังคงเดินหน้าออกตรวจโกดังเก็บข้าวต่อเนื่องอีก 6 โกดัง เน้นตรวจสอบคุณภาพข้าว และตรวจข้าวว่าตรงตามบัญชีหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ สำหรับการตรวจโกดังเก็บข้าวในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่มีอยู่จำนวน 244 โกดัง ล่าสุด ตรวจไปแล้ว 45 โกดัง พบพิรุธ 2 โกดัง คือ ที่อำเภอลาดยาว กับอำเภอโกรกพระ
Cr: http:/www.manager.co.th
9 มิถุนายน พ.ศ.2557
ปปช.จ่อฟันยิ่งลักษณ์ผิดจำนำข้าว วิชาบอกเตรียมสรุปข้อมูลดำเนินคดีอาญาหลังไต่สวนพยานไปแล้ว4ปาก
...............................................................................................................................................................
14:45 น.
ศาลชัยภูมิฟันโทษหนัก คุก 20 ปี โรงสีโกงจำนำข้าว
ศาลชัยภูมิฟันโทษหนัก คุก 20 ปี โรงสีโกงจำนำข้าวหายกว่า 750 ตัน ส่วนชาวนาที่ร่วมด้วยอีก 9 ราย คุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี จ่อขยายผล ฟันอีกโครงการทุจริตรับจำนำมันสำปะหลังเริ่มโผล่หายอีกนับหมื่นตัน ค่ากว่าอีก 60 ล้านบาท เตรียมเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดความคืบหน้าคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่เมื่อ 27 มิ.ย.56 ที่ผ่านมา จังหวัดชัยภูมิระดมทุกภาคส่วนเข้าตรวจโรงสีในพื้นที่อ.บ้านเขว้า พบมีการทุจริตจำนวนมากพร้อมแจ้งดำเนินคดีโรงสีดังสวมสิทธิ์เวียนเทียนใบประทวนลมร่วมกับชาวนาแอบยักยอกข้าวในโกดังหายกว่า 750ตัน มูลค่าสูงกว่า 11 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.57 พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้มีการตรวจสอบและเร่งดำเนินการป้องกันปราบปรามการทุจริตของโครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 พบว่ามีโรงสีกระทำผิดถูกแจ้งดำเนินคดีมาแล้วรวม 1 แห่ง ชื่อโรงสีนพภร ในเขตพื้นที่ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ข้าวหายไปจากโรงสีของ อคส.รวม 750 ตัน แยกเป็นข้าวเปลือก 621 ตัน ข้าวสารสีแปรแล้วอีก 129 ตัน รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องพร้อมเจ้าของโรงสีทั้งหมดมาต่อเนื่องและส่งฟ้องคดีต่อศาล จ.ชัยภูมิไปแล้วมาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ใน 4 ข้อหาหนักนั้น
คดีนี้ล่าสุด ศาลสั่งลงโทษ 2 ข้อหาหนัก เจ้าของโรงสี พร้อมพวกที่เป็นชาวนาอีก 9 ราย ที่มีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการสวมใบประทวนข้าวลมโดยไม่มีข้าวในมือจริง และนำข้าวในโกดังรัฐออกมาเวียนเทียนสวมสิทธิและทำข้าวของรัฐหายไปอีกจำนวนมากกว่า 750 ตันร่วมกับโรงสี มีคำพิพากษาสั่งลงโทษชาวนาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 ราย ให้จำคุก 6 เดือน แต่โทษขังให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนเจ้าของโรงสีดังกล่าวศาลสั่งลงโทษหนักในข้อหายักยอกทรัพย์ข้าวที่หายไป ให้จำคุก 20 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งต่อไปก็เป็นเรื่องที่จำเลยยังมีสิทธิที่ยื่นขอประกันตัวออกไปสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีกับโกดัง จ.ชัยภูมิ ที่มันสำปะหลังหายไปอีกนับหมื่นตัน มูลค่าในเบื้องต้นไม่น้อยอีกกว่า 60 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหาร คสช. อยู่ระหว่างตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
Cr: http:/www.nationtv.tv
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติตั้งคณะอนุไต่สวนคดีการทุจริตเปิดประมูลให้เอกชนดำเนินการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศอินโดนีเซีย (BULOG)ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 300,000 ตัน เมื่อเดือน ธ.ค. 2554
มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทสยามอินดิก้าเป็นผู้ชนะการประมูล ทั้งที่ บริษัทสยามอินดิก้ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในลักษณะเป็นนอมินีของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย รวมทั้งเคยเป็นคู่สัญญาการค้าขายข้าวกับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2544/2545 และปี 2546/2547 จำนวน 1.9 ล้านตัน และไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่รัฐควรได้จึงตกไปเป็นของบริษัทสยามอินดิก้า กับพวกพ้องที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่กันและกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
คดีนี้ นักการเมืองถูกร้องเรียนคือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ (ช่วงต้นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์)
ป.ป.ช.ตรวตจสอบทรัพย์สิน 5 รมต.เอี่ยวจำนำข้าว
วันที่ 5 มิถุนายน 2557นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่าที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จำนวน 5 ราย ดังนี้
1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
2.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
3.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
4. นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ
5.นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
โดยมอบหมายให้นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ โดยให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินประสานข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
2.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
3.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
4. นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ
5.นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
Cr: http://www.bangkokbiznews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น